Table of Contents

คนไทยติดมือถือ? แล้ว เวลาโพสต์ คอนเทนต์ ควรเป็นเวลาไหนดี? มาดูกัน!

เวลาโพสต์ คอนเทนต์

คนไทยติดมือถือ? แล้ว เวลาโพสต์ คอนเทนต์ ควรเป็นเวลาไหนดี? ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมง 52 นาที .Priori Data นอกจากนี้ คนไทยยังใช้เวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 29 นาทีต่อวัน บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 2 ชั่วโมง 19 นาที

⏰ ช่วงเวลาทอง เวลาโพสต์ : แบรนด์ควรลงมือเวลาไหน?

แม้จะไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คนไทยใช้งานมือถือมากที่สุดในปี 2025 แต่จากแนวโน้มการใช้งานมือถือทั่วโลก พบว่า วันธรรมดามีการใช้งานสมาร์ตโฟนเฉลี่ยมากกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยผู้คนตรวจสอบโทรศัพท์เฉลี่ย 58 ครั้งต่อวัน และเกือบ 52% ของการตรวจสอบเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาทำงาน .Exploding Topics

ดังนั้น แบรนด์ควรพิจารณาช่วงเวลาต่อไปนี้ในการลงมือทำการตลาดผ่านมือถือ:

  • ช่วงเช้า (07:00–09:00 น.): ผู้คนมักเริ่มต้นวันด้วยการตรวจสอบข่าวสารและโซเชียลมีเดีย

  • ช่วงพักกลางวัน (12:00–13:00 น.): เวลาพักที่ผู้คนมักใช้มือถือเพื่อความบันเทิงหรือช็อปปิงออนไลน์

  • ช่วงเย็น (18:00–21:00 น.): เวลาหลังเลิกงานที่ผู้คนมีเวลาว่างและมักใช้งานมือถือมากขึ้น

🎯 กลยุทธ์ที่แบรนด์ควรนำมาใช้

  1. ปรับเนื้อหาให้เหมาะกับมือถือ: เนื้อหาควรสั้น กระชับ และดึงดูดความสนใจภายในไม่กี่วินาที

  2. ใช้วิดีโอแนวตั้ง: แพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram Reels กำลังได้รับความนิยม การใช้วิดีโอแนวตั้งจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม

  3. ใช้การแจ้งเตือน (Push Notifications): ส่งข้อความแจ้งเตือนในช่วงเวลาที่ผู้ใช้มีแนวโน้มจะเปิดอ่านมากที่สุด เช่น ช่วงเช้าหรือเย็น

  4. วิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

🔧 เครื่องมือวิเคราะห์ผู้ใช้งานมือถือ (Mobile Marketing Analytics Tools)

1. Google Analytics 4 (GA4)

  • จุดเด่น: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปแบบข้ามแพลตฟอร์ม (web + app)

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: Session บนมือถือ, ระยะเวลาใช้งาน, อุปกรณ์ที่ใช้

  • ❗ จุดด้อย: ต้องตั้งค่ากำหนดอีเวนต์อย่างละเอียดเพื่อให้ได้ข้อมูลลึก

2. Mixpanel

  • จุดเด่น: ติดตามพฤติกรรมในแอปมือถือแบบ real-time และสร้าง funnel ที่ปรับแต่งได้

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: retention rate, การคลิก, conversion journey

  • ❗ จุดด้อย: ความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น

3. Firebase Analytics (โดย Google)

  • จุดเด่น: เหมาะกับแอปมือถือโดยเฉพาะ รองรับ Android/iOS

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: crash reporting, in-app purchase, custom events

  • ❗ จุดด้อย: ข้อมูลเชิงลึกเชิงพฤติกรรมอาจสู้ GA4 ไม่ได้

4. Hotjar (Mobile Behavior Tracking)

  • จุดเด่น: ดู heatmap บนมือถือ, บันทึกวิดีโอพฤติกรรมผู้ใช้จริง

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: จุดที่ผู้ใช้แตะบ่อย, ความยาวการ scroll, rage click

  • ❗ จุดด้อย: ใช้ได้กับเว็บไซต์เป็นหลัก ไม่ใช่แอป

5. App Annie (ปัจจุบันคือ Data.ai)

  • จุดเด่น: วิเคราะห์การดาวน์โหลด/การใช้งานแอปทั่วโลก รวมถึงคู่แข่ง

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: Market trend, App ranking, Time-spent on app

  • ❗ จุดด้อย: ฟีเจอร์เต็มรูปแบบอาจต้องใช้แบบเสียเงิน

6. Sensor Tower

  • จุดเด่น: ใช้วิเคราะห์ประสิทธิภาพแอป + โฆษณา mobile ads

  • 📌 ใช้วิเคราะห์: CPI (Cost Per Install), Mobile Ad Intelligence

  • ❗ จุดด้อย: เจาะลึกเฉพาะในระดับแอปเท่านั้น

📌 สรุป

ในปี 2025 คนไทยใช้เวลาบนมือถือเฉลี่ย 5 ชั่วโมง 20 นาทีต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างมาก แบรนด์ควรใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนกลยุทธ์ การตลาดผ่านมือถือ โดยเน้นช่วงเวลาที่ผู้ใช้มีแนวโน้มจะใช้งานมือถือมากที่สุด และปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภค.

หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์การตลาดผ่านมือถือ หรือการสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ!

ติดต่อสอบถาม